1.การเลี้ยงสุกรเนื้อ (สุกรขุน)
1. การเริ่มต้นและการเตรียมการ การเลี้ยงสุกรเพื่อขุนขายเป็นสุกรเนื้อ อาจ จะเริ่มโดยการซื้อลูกหมูหย่านมมาเลี้ยง (น.น. 10-15 ก.ก.) โดยการเลือกลูกหมูที่มีโครงกระดูกใหญ่ เส้นท้องตรง เส้นหลังโค้งงาม ตัวยาว ขาตรง แข็งแรง คางกว้างใหญ่ ขนและหนังละเอียดเป็นมัน ตาใสไม่ขุ่นมัว ไม่เป็นไส้เลื่อน (สะดือไม่จุ่น) ลูกสุกรตัวผู้หย่านมขนาดนี้ อาจจะตอนมาแล้ว หรือยังไม่ตอน ถ้ายังไม่ตอนก็ควรทำการตอนโดยด่วน สำหรับลูกสุกรตัวเมียไม่จำเป็นต้องตอน เมื่อซื้อลูกสุกรหย่านมมาแล้ว ก็ทำการถ่ายพยาธิ (เช่นใช้ยาปิเปอร์ราซีน แบนมินท์ เวอร์บาน เฟซีน ฯลฯ) หลังจากนั้นอีก 1 อาทิตย์ ก็ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์สุกร (ถ้าเจ้าของเดิมยังไม่ฉีด)
2. พันธุ์สุกรที่ควรใช้ ควรเป็นลูกสุกรผสม 2 หรือ 3 สายเลือดจะดีกว่าลูกสุกรพันธุ์แท้ 100% เพราะสุกรลูกผสมเช่นระหว่างลาร์จไวท์กับแลนด์เรซ หรือลาร์จไวท์ แลนด์และดูร็อค จะเลี้ยงง่าย โตเร็ว และทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศมากกว่าสุกรพันธุ์แท้สายเลือดเดียวโดย เฉพาะสภาพบ้านเรา และเมื่อผู้เลี้ยงยังไม่มีความชำนาญพอ ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยสุกรลูกผสม
3. โรงเรือนและอุปกรณ์ โรงเรือนสำหรับเลี้ยงหมูขุน อาจทำง่าย ๆ โดยใช้ไม้ กลมขนาดแขนตียืนห่างกัน 3 นิ้ว เพื่อกั้นเป็นฝาคอก ขนาดกว้างยาวตามชอบ เช่น 3×4 เมตรหรือ 4X4 เมตร มีประตูเข้าออก หลังคาอาจมุงด้วยจากหรือใบซิเหรง และมุงเพียงด้านหน้าคอกไปทางหลังเพียง 2 ใน 3 เว้นด้านหลังให้หมูถูกแสงบ้าง พื้นคอกควรเทคอนกรีต เพื่อกันหมู่ขุดดินเป็นหลุมบ่อ คอกขนาค 3×4 เมตร สามารถเลี้ยงลูกหมูหย่านมได้ 12-15 ตัว เมื่อหมูโตขึ้นก็ควรแยกไปเลี้ยงคอกอื่น โดยเลี้ยงไวคอกละ 6-7 ตัว และจัดให้หมูที่มีขนาดและนํ้าหนักพอ ๆ กันอยู่ด้วยกัน อุปกรณ์อื่น ๆ ได้เเก่รางน้ำ รางอาหาร รางอาหารอาจทำเองด้วย ไม้กระดาน (1×8 นิ้ว) โดยทำเป็นรางรูป 3 เหลี่ยม หรือสี่เหลี่ยมก็ได้ รางนํ้าควรทำด้วยคอนกรีฅ เป็นรูปกลมหรือเป็นรางสี่เหลี่ยมก็ได้และต้องมีเนื้อที่รางอาหาร รางน้ำเพียงพอสำหรับหมูทุกตัว
4. อาหาร อาหารสำหรับสุกรขุน อาจใช้อาหารถุงสำเร็จรูปจากบริษัท หรือซื้อหัวอาหารเข้มข้น (มีโปรตีน 36% มาผสมเอง หรือจะซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ มาแล้วผสมเองทั้งหมด ถ้าซื้ออาหารสำเร็จรูปมาเลี้ยง อาจจะไม่ค่อยมีกำไร แต่ถ้าราคาหมูดีก็อาจจะมีกำไรบ้าง ในสภาพปัจจุบันเกษตรกรหาซื้อวัตถุดิบได้ยาก และอาจมีไม่สม่ำเสมอ เช่น ข้าวโพด กากถั่ว ปลาป่น ใบกระถิน แร่ธาตุ ไวตามิน แต่ทว่าในท้องทีทุกแห่งมักจะมีรำ ปลายข้าวอยู่เสมอ ดังนั้น จึงขอแนะนำให้เกษตรกรซื้อหัวอาหารเข้มข้น เช่น หัวอาหารหมูรวม (โปรตีน 34-36%) มาผสมกับรำ ปลายข้าว หรือข้าวโพด ถ้ามีกากเมล็ดยางพารา หรือมันสำปะหลังก็อาจใส่ลงในสูตรอาหารด้วย แต่จะต้องเตรียมสูตรอาหารให้มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนเพียงพอ เช่น ลูกหมูหย่านมก็ควรจะได้รับโปรตีน 18% หมูรุ่นใช้อาหารที่มีโปรตีน 15-16% หมูขนาด 50-60 ก.ก. มีโปรตีน 13-14%และหมูขนาด 60-100 ก.ก. ให้มีโปรตีน 12-13%
ตัวอย่างสูตรอาหาร (เมื่อใช้หัวอาหารหมูรวมโปรตีน 36%)
สูตร 1 สูตร 2 สูตร 3 สูตร 4
รำละเอียด 35 40 45 36
ปลายข้าว(หรือข้าวโพด) 35 40 45 37
กากเมล็ดยาง 20
หัวอาหาร(โปรตีน 36%) 30 20 10 7
รวม น.น. 100 100 100 100
% โปรตีน 18 15 13 13
การให้อาหารแก่สุกรขุน นิยมให้วันละ 2 เวลา คือเช้าและเย็น โดยให้หมูกินจนอิ่ม โดยเฉลี่ยลูกหมูหย่านมจะกินอาหารตัวละ 0.5 ก.ก./วัน หมูรุ่น 1-1.5 ก.ก./วัน หมูใหญ่ 2.5 3 ก.ก./วัน และควรจะให้สุกรได้รับน้ำสะอาดเพียงพอตลอดเวลา การอาบน้ำไม่จำเป็น แต่ถ้าวันไหนอากาศร้อนจัดอาจอาบนํ้าก็ได้ นอกจากนี้ควรตัดผักหรือหญ้าให้สุกรกินบ้าง เช่นหัวมันเทศ ใบแค หญ้าขน หญ้าเนเปียร์ สาหร่าย ฯลฯ
2.โรคที่เกิดในสุกร
1.โรคอหิวาต์สุกร
เป็นโรคที่ระบาดรุนแรง เกิดจากเชื้อไวรัส พบว่าเป็นได้กับสุกรทุกอายุ เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายโดยการกินอาหาร กินน้ำ หายใจ หรือโดยทางบาดแผลที่ ผิวหนัง ใช้เวลาฟักตัว 3 วัน ถึง 3 สัปดาห์ แต่โดยทั่วไปประมาณ 7 วัน อาการที่พบคือ มีไข้สูง 105-108 องศาฟาเรนไฮต์ สุกรจะเบื่ออาหาร ซึม เยื่อตาอักเสบ (มีขี้ตา) ท้องผูก (ขี้เป็นเม็ด) และท้องร่วง (ขี้เป็นน้ำ) อาจพบอาการอาเจียนร่วมด้วย ผิวหนังบริเวณ หู คอ ท้อง และด้านในของขาหนีบ จะพบจุดเลือดออกเล็ก ๆ ทำให้ผิวหนังมีสีแดง และต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง ในแม่สุกรท้องอาจจะเกิดการแท้งลูก ติดต่อจากสุกรตัวหนึ่งไปยังตัวอื่น ได้รวดเร็วมาก ภายใน 7 วัน อาจเกิดโรคอหิวาต์ได้ทั้งฟาร์มเมื่อสุกรเป็นโรคอหิวาต์แล้ว อัตราการตายสูงถึง 90% และไม่มีทางรักษา
การป้องกัน ทำวัคซีนเมื่อลูกสุกรอายุประมาณ 6 สัปดาห์ และสำหรับสุกรพ่อแม่พันธุ์ ควรทำวัคซีนทุก 6 เดือน ห้ามทำวัคซีนกับสุกรที่อ่อนแอหรือ สัตว์ป่วย หรือในสุกรตั้งท้องแก่ใกล้คลอด
2.โรคปากและเท้าเปื่อย
เป็นโรคติดต่อที่รุนแรง ติดต่อได้อย่างรวดเร็วในสัตว์กีบคู่ (โค, กระบือ , แพะ ,แกะ, สุกร) โรคนี้เป็นได้กับสุกรทุกอายุ อัตราการเกิดโรคสูง แต่อัตราการตายต่ำ เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งในเมืองไทยขณะนี่พบอยู่ 3 ชนิด คือ โอ เอ และเอเชียวัน (ชนิดโอรุนแรงที่สุด) เมื่อเชื้อ โรคเข้าสู่ร่างกายสุกรแล้วจะใช้เวลาในการฟักโรคประมาณ 3-6 วัน สุกรจะเริ่มแสดงอาการป่วยออกมาให้เห็น อาหารที่พบได้คือ มีตุ่มน้ำใสที่บริเวณ ปลายจมูก ปาก ลิ้น ริมฝีปาก เหงือก และผิวหนังบริเวณไรกีบ ต่อมาตุ่มน้ำใสจะแตก นอกจากนี้ยังพบอาการไข้สูง เบื่ออาหาร น้ำลายยืด ขาเจ็บ กีบลอกหลุด และน้ำหนักลด
การป้องกัน ทำวัคซีนเมื่อลูกสุกรอายุประมาณ 7 สัปดาห์ และทำวัคซีนอีกครั้ง ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา และสำหรับสุกรพ่อแม่พันธุ์ ทำวัคซีนทุก ๆ 4-6 เดือน
นอกจากนี้ก็มีโรคติดต่อในสุกรชนิดอื่นซื่งมีความสำคัญ ต้องอาศัยวิธีป้องกันโรค เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคโพรงจมูกอักเสบ โรค ที.จี.อี. ( โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบติดต่อ) โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไฟลามทุ่ง เป็นต้น
|